Wednesday, November 07, 2007

Pang Saitaa Passes Away with Honour

The Foundation is sadden to learn of Pang Saitaa death at around 2.20 p.m. on November 6, 2007 at Doi Pha Muang Wildlife Sanctuary, Lampang. Pang Saitaa came from Phetchaboon and arrived to camp 1 on September 7, 2007. The day before she died she had the shivers and she could not eat as normal. She probably had fever so Mor Taweepoke gave her some antibiotics and the field staff built a fire nearby to keep her warm. Khun Chonsaporn visited with her on November 6 and Pang Saitaa appeared to be well and could eat again. Only 15 minutes after Khun Chonsaporn left to return to Chiangmai, Khun Subin called to inform her that Pang Saitaa had passed away suddenly. Mor Taweepoke, consulting veterinarian of the Foundation came with several vets and students to undertake the autopsy. Organ samples were sent for analysis and determination of cause of death. มูลนิธิฯ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่า พังสายตาได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 เวลาประมาณ 14.20 น. มูลนิธิฯ ได้ซื้อพังสายตามาจากเจ้าของเดิมซึ่งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยพังสายตาได้เข้าร่วมกับโครงการฯ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2550 จากรายงานการติดตามพฤติกรรมช้าง ทำให้ทราบว่า ก่อนหน้าที่พังสายตาจะเสียชีวิตหนึ่งวันคือ วันที่ 5 พ.ย. 2550 พังสายตามีอาการหนาวสั่นและกินอาหารได้น้อย น.สพ. ทวีโภค อังควาณิชย์นายสัตวแพทย์ที่ปรึกษาของมูลนิธิฯ จึงได้ฉีดยาปฎิชีวนะให้กับพังสายตา และให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามของมูลนิธิฯ ก่อกองไฟใกล้ๆ ที่พังสายตาอยู่เพื่อให้พังสายตาอบอุ่นอยู่เสมอ และในวันที่ 6 พ.ย. 2550 คุณชลษพร เจ้าหน้าที่ประสานงานประจำเชียงใหม่-ลำปาง ได้เข้าดูอาการของพังสายตาอีกครั้ง พบว่า อาการของพังสายตาดีขึ้นและสามารถกินอาหารได้มากขึ้น จึงจะเดินทางกลับสำนักงานที่เชียงใหม่ แต่หลังจากที่กำลังเดินทางออกจากแคมป์ 1 ที่ลำปาง ได้ประมาณเพียง 15 นาที ก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณสุบิน ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ประสานงานประจำจังหวัดเชียงใหม่-ลำปาง แจ้งว่า พังสายตาได้ล้มลงและเสียชีวิตแบบกระทันหันแล้ว หมอทวีโภคและหมอเฉลิมชาติ นายสัตวแพทย์ที่ปรึกษามูลนิธิฯ จึงเข้ามาชันสูตรศพพังสายตาพร้อมกับนายสัตวแพทย์ท่านอื่น รวมถึงนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็เข้ามาช่วยทำการผ่าชันสูตรศพพังสายตาเพื่อเก็บอวัยวะบางส่วนเป็นตัวอย่างสำหรับส่งไปยังห้อง LAB เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุการเสียชีวิตของพังสายตาต่อไป

No comments: